บทความวิชาการเรื่องการรู้ไม่เท่าทันในสังคม
รายวิชา ปัญหาสังคมและประเด็นสำคัญด้านการพัฒนา
โดย นายณัฐพล กุลบุตร 53241905 พัฒนาสังคม
บทนำ
เป็นที่รู้กันว่าสังคมไทยในวันนี้นั้นเปลี่ยนแปลงไปมากจากอดีตเราได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสังคมโลกอย่างใกล้ชิด
และสังคมนั้นเปลี่ยนจากความไม่เท่าเทียมในด้านต่าง ๆโดย เฉพาะอย่างยิ่งในด้านของเพศและสิทธิทางการเมืองจากที่ไม่เท่าเทียมเป็นเท่าเทียมกันมากขึ้น เช่นเดียวกันกับ ขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมต่าง ๆ ของเราก็เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสของโลกมากเรื่อยจนสิ่งที่เราทำแตกต่างจากสังคมโลกนั้น เป็นคล้าย ๆกัน การติดต่อสื่อสารแบบข้ามชาติก็ทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงเรื่องแฟชั่นเครื่องแต่งกาย หรือค่านิยมต่างๆ
บ้านเมืองเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทางด้านวัตถุ และเทคโนโลยี
มีการส่งสินค้าออกสู่สังคมโลก อีกทั้ง มีชาวต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทยมากมาย สังเกตเห็นได้ว่า ความเจริญก้าวหน้าเหล่านั้นกระจุกอยู่แต่ในเมืองไม่ได้กระจายออกไป
ทำให้คนชนบทอพยพเข้าสู่เมืองเกิดปัญหาตามมาทั้งในชนบทและในเมือง
แต่ถึงอย่างไรประเทศของเราก็พยายามที่จะพัฒนาตลอดเวลา
ทุกวันนี้การดำเนินชีวิตนั้นเปลี่ยนไปอย่างมากมีการทำงานมากขึ้นรวมถึง
เศรษฐกิจที่ผันผวนได้ตลอดเวลา
อีกทั้งธรรมชาติที่ยากจะคลาดการล่วงหน้าว่าจะเกิดเมื่อไหร่ที่ไหนและมีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน
เทคโนโลยีต่างๆมีความสำคัญกับชีวิตประจำวันมากขึ้น
เช่นโทรศัพท์มือถือซึ่งมีความสำคัญมากในการใช้ติดต่อสื่อสารกันรวมทั้งอินเตอร์เน็ตที่ไว้
search หาข้อมูลต่างๆหรือติดต่อสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ตก็ได้อีกทั้งใช้ในการติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นแม้กระทั่งใช้ในการศึกษาซึ่งอินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทมากในปัจจุบันรวมถึง
Tablet คอมพิวเตอร์
ที่มีกันเกือบทุกครัวเรือน
เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆที่จำเป็นและไม่จำเป็น และฯลฯ
ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ต่างก็มีข้อดีข้อเสียและความต้องการที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์หรือใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะมิจฉาชีพที่มีวิธีจะฉ้อโกงหลอกลวงเพื่อให้ได้มาด้วยทรัพย์
แม้จะมีการกวาดล้างเท่าไรก็ตามก็ไม่เป็นผลสำเร็จ มิจฉาชีพเหล่านี้มีหลายรูปแบบทั้งทำคนเดียวหรือทำเป็นแก๊ง
เช่นแก๊งคลอเซ็นเตอร์ที่ออกข่าวมาล่าสุด
การดำเนินชีวิตในปัจจุบันเป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะต้องตามสังคมให้ทันโดยเฉพาะการติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเพื่อที่จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อและการใช้ชีวิตนั้นมีความเสี่ยงตลอดเวลาไม่ว่าเราจะเดินจ่ายตลาดหรือที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านก็แฝงไปด้วยเหล่าบรรดามิจฉาชีพมือฉมังที่เราได้ยินกันบ่อยๆตามข่าวทีวีว่ามีการล้วงกระเป๋า กรีดกระเป๋าตามสถานที่ต่างๆ
และในปัจจุบันได้ลามไปถึงการใช้เด็กในการโจรกรรม รวมทั้งการไว้ใจให้ทำธุรกรรมต่างๆการไม่รอบครอบไม่ระวังตัวก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โดนมิจฉาชีพเหล่านั้นจัดการได้ สภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนหรือปัญหาการว่างานก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดมิจฉาชีพขึ้นพวกเขาต้องการเงินไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามการสร้างอาชีพให้กับพวกเขาเหล่านั้นก็น่าจะลดปัญหานี้ได้
ดังตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงในสังคมต่อไปนี้
ตัวอย่างที่ 1
แก๊งมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร
โทรศัพท์หลอกเหยื่อว่าเป็นลูกหนี้ธนาคารให้โอนเงินคืนผ่านตู้เอทีเอ็ม ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นใน จ.เชียงราย
เข้าแจ้งความต่อร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย
หลังมีโทรศัพท์อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่ง
แจ้งว่าทั้งสองเป็นลูกหนี้ที่ขาดผ่อนชำระ และธนาคารกำลังจะอายัดเงินในบัญชีเงินฝาก
หากไม่อยากถูกอายัดเงินในบัญชี ให้โอนเงินคืนผ่านทางตู้เอทีเอ็ม
ซึ่งทั้งสองยืนยันไม่เคยกู้เงินกับธนาคารดังกล่าว
ตำรวจจึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมระบุตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม
มีประชาชนถูกแก๊งมิจฉาชีพดังกล่าวโทรศัพท์หลอกให้โอนเงินในลักษณะเดียวกันเป็นจำนวนมาก
มีทั้งอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ
และเจ้าหน้าที่ติดตามทวงหนี้ มีผู้หลงเชื่อจนยอมโอนเงินไปแล้วเกือบ 100,000 บาท เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ และให้ติดต่อชำระหนี้ไปยังสถาบันการเงินเจ้าหนี้โดยตรง
ที่มา http://news.thaiza.com/
จากเหตุการณ์นี้เราจะเห็นได้ว่าเป็นการที่เหยื่อนั้นหลงเชื่อโดยไม่ตรวจสอบให้รอบครอบจึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวฉะนั้นเราควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนที่จะทำอะไรเพื่อที่จะไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้
ตัวอย่างที่ 2 ในวันที่ 20
ส.ค. 2555
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพเป็นชาย 2 คน
เข้ามาก่อเหตุงัดเบาะรถจักรยานยนต์
และใช้มือล้วงทรัพย์สินที่ประชาชนชาวจังหวัดจันทบุรีใส่ไว้ใต้ เบาะรถ
หลังนำรถมาจอดบริเวณโดยรอบสวนสาธารณะเพื่อมาออกกำลังกาย
เบื้องต้น
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบพบว่า
มีประชาชนตกเป็นเหยื่อและสูญเงินและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก
และเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. เมืองจันทบุรีแล้วกว่า 10 หลาย ประชาชนต้องสูญเงิน สร้อยคอทองคำ บัตรเครดิต
โทรศัพท์มือถือ และบัตรเอทีเอ็ม รวมกันกว่า 2 แสนบาท ไป นางสาวประภาพรรณ เวชสรรเสริญ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 2 ตำบลมาบไพ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อ
ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในช่วงเย็นเวลา 17.00
น.ของทุกวันได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน เพื่อมุ่งหน้ามาออกกำลังกาย
ที่สวนสาธารณะทุ่งนาเชย ที่เป็นจุดศูนย์รวมของประชาชนที่มาออกกำลังกาย
เป็นจำนวนมาก
ประชาชนจะต้องมีการนำรถจักรยายนต์มาจอดโดยรอบสวนสาธารณะและนำทรัพย์สินที่ติดตัวมาไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเงิน
สร้อยคอทองคำ บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็มต่างๆ และทรัพย์สินอื่นๆใส่ไว้ใต้เบาะรถ
จึงตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่เฝ้าดูอยู่ก่อเหตุงัดเบาะรถ
และใช้มือล้วงเอาทรัพย์สินไป ทั้งนี้
ตนได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐานแล้ว
พ.ต.ท.วุฒิพงศ์ วิสุทธิธาภรณ์ สารวัตรเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี
เจ้าของคดี
ได้เปิดเผยว่าได้มีประชาชนและผู้เสียหายหลายสิบหลายได้เข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถูกกลุ่มมิจฉาชีพงัดเบาะรถและใช้มือล้วงนำทรัพย์สินใต้เบาะรถไปเป็นจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจลงพื้นที่หาข่าวและเร่งติดตามกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการฝากเตือนประชาชนที่มาออกกำลังกาย
ขออย่าได้พกทรัพย์สินมีค่าติดตัวมา หรืออย่านำทรัพย์สินใส่ไว้ในใต้เบาะรถ
เพราะอาจจะจุดล่อแหลมของกลุ่มมิจฉาชีพลงมือก่อเหตุได้
พร้อมกันนี้ขอให้ประชาชนที่นำรถมาจอดออกกำลังกายขอให้จอดในสถานที่จอดรถที่ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ไม่ควรจอดในที่ลับตาคน ผู้บังคับการตำรวจจราจร
เตือนผู้ที่ขับขี่รถยนต์ตามลำพังในช่วงเวลากลางคืน
ให้ระวังแก๊งมิจฉาชีพที่แกล้งทำเป็นถูกรถชน เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย
ย้ำควรเรียกตำรวจที่อยู่บริเวณใกล้เคียง หรือโทรแจ้งที่เบอร์ 1197 เมื่อวันที่ 18
มิถุนายนที่ผ่านมา พล.ต.ต. อุทัยวรรณ
แก้วสะอาด ผู้บังคับการตำรวจจราจร
(ผบก.จร.) เปิดเผยว่า บก.จร.ได้รับข้อมูลเบื้องต้นว่า มีแก๊งมิจฉาชีพมีพฤติการณ์แกล้งขับขี่รถจักรยานยนต์มาเฉี่ยวชน
หรือเดินมาชนรถของประชาชนที่จอดติดสัญญาณไฟจราจรตามแยกต่าง ๆ
เสมือนเกิดอุบัติเหตุขึ้น
ซึ่งคนร้ายจะลงมือกับผู้ที่ขับขี่รถมาเพียงลำพังในเวลาค่ำคืน
หลังจากนั้นก็จะเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของรถคู่กรณี ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำของแก๊งมิจฉาชีพที่จงใจใช้อุบายเพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากประชาชน
ที่มา http://www.dailynews.co.th/
จากเหตุการณ์นี้จะเห็นได้ว่าผู้เสียหายนั้นชะล่าใจโดยเก็บทรัพย์สินของมีค่าที่เบาะรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งมิจฉาชีพอาศัยความมืดและมีทักษะความชำนาญงัดเบาะเพื่อจะขโมยสิ่งมีค่าและอีกกรณีนึงคือการที่มิจฉาชีพแกล้งทำเป็นรถชนแล้วมาเรียกร้องความเสียหาย
ตัวอย่างที 3 ปอท. ฟิตล็อกแฮกเกอร์แสบดูดเงินจากแบงก์ผ่านเน็ต
รับสิ้นไส้เอาไว้เติมโทรศัพท์-ซื้อชั่วโมงเกมออนไลน์ เมื่อ เวลา 12.00 น. วันที่ 23 ก.ค. ที่ บก.ปอท. พ.ต.อ.ชนะชัย
ลิ้มประเสริฐ รอง ผบก.บก.ปอท. เปิดเผยว่า ช่วงต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
ได้รับการร้องทุกข์ จากสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ว่า
มีลูกค้าหลายรายที่ใช้ธุรกรรมทางอินเตอร์เน็ตพบว่าเงินสูญหายไปจากบัญชีโดย
ไม่ทราบสาเหตุ และเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเงินที่สูญหายไปนั้นได้ถูกโอนไปทางธุรกรรมทาง
อินเตอร์เน็ตออนไลน์ เพื่อเติมเงินเพิ่มมูลค่าในโทรศัพท์มือถือ
และนำไปซื้อชั่วโมงเกมออนไลน์ สร้างความเสียหายนับแสนบาท
หลังทราบเรื่องจึงสั่งการให้
พ.ต.อ.ภูธร ปริศนานันทกุล ผกก.1
บก.ปอท. พ.ต.อ.สุวัฒน์ อินทสิทธิ์ ผกก.2
บก.ปอท.และชุดสืบสอบออกหาเบาะแส กระทั่งทราบว่าคนร้ายก่อเหตุจากบ้านเลขที่ 40/47 หมู่3 ซอยมัยลาภ ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง
เขตบางเขน และบ้านเลขที่ 43/1 ซอยวิภาวดี 16/9 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร
จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นพบคอมพิวเตอร์ที่ใช้กระทำผิด โดยมีนายเอกพันธ์ กุมมาน้อย
อายุ 23 ปี รับว่าเป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าว
จึงนำตัวมาสอบสวนที่ บก.ปอท.
จากการสอบสวนนายเอกพันธ์
ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวจริง เพราะส่วนตัวชอบเล่นเกมออนไลน์มาก
และใช้ธุรกรรมการเงินทางอินเตอร์เน็ตอยู่เป็นประจำ
จึงลองเดาชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่านของบุคคลอื่นหลายครั้ง
ในที่สุดก็สามารถเข้าไปทำธุรกรรมทางอินเตอร์เน็ตได้
จากนั้นได้โอนเงินจากบัญชีบุคคลอื่นมาใช้เติมเงินโทรศัพท์มือถือ
และนำเงินดังกล่าวไปซื้อชั่วโมงเกมออนไลน์ด้วย
ด้าน พล.ต.ต.สุพล หอมชื่นชม
ผบก.บก.ปอท. กล่าวว่า ขอฝากเตือนไปยังประชาชนทั่วไปที่กระทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ผ่านเครือข่าย
อินเตอร์เน็ตให้เพิ่มความระมัดระวัง
โดยเฉพาะการตั้งชื่อและรหัสในการใช้งานให้ยากต่อการคาดเดา เบื้องต้นแจ้งข้อหา
เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการการเข้าถึงโดยเฉพาะ
และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และลักทรัพย์ผู้อื่น ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 คุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
ที่มา http://www.สมเดช.com
จากเหตุการณ์นี้จะเห็นได้ว่ามิจฉาชีพรายนี้ใช้เทคโนโลยีในการกระทำดังกล่าวเพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน การกระทำนี้เป็นการยากที่จะตามจับตัวเพระไม่เห็นหน้าคร่าตาและวิธีนี้ก็เป็นวิธีที่แยบยลมากๆผู้ที่จะกระทำในรูปแบบนี้ได้จะต้องมีความรู้และเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก
ปัจจัยที่ทำให้เกิดการรู้ไม่เท่าทันในสังคมหรือหลงกลมิจฉาชีพ
1.ไม่ติดตามข่าวสารว่ามีอะไรเกิดขึ้นในสังคมบ้างจึงทำให้ตามไม่ทันและอาจทำให้เกิดขึ้นกับตัวเองได้
2.คาดไม่ถึงว่าจะเกิดกับตัวเอง
คิดว่าตัวเองคงไม่โดนจึงไม่ระวังหรือสนใจอะไรมากมายเพราะการใช้ชีวิตในปัจจุบันนี้มีความเสี่ยงตลอดเวลาและนับวันความเสี่ยงหรือภัยเหล่านี้จะยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ
3.ชะล่าใจไม่รอบครอบ
เหล่าบรรดามิจฉาชีพก็จะมีบรรดาคนกลุ่มนี้เป็นเป้าหมายหลักอยู่แล้วเนื่องจากง่ายต่อการจัดการ
4.ความประมาท
ไม่ว่าเราจะทำอะไรหากตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเราก็จะปลอดภัยจากเหตุการณ์ต่างๆได้
5.การไว้ใจคนสนิทหรือลูกน้อง
การที่เราจะไว้ใจให้ไปทำอะไรก็ตามโดยเฉพาะเรื่องเงินๆทองๆหากไม่สนิทหรือรู้จักกันมากพอก็ไม่ควรที่จะมอบหมายให้ทำควรที่จะทำเองมากยิ่งมีมูลค่ามากยิ่งเสี่ยงมากอย่างที่ได้เห็นอยู่บ่อยครั้งตามข่าวทีวี
6.ปัญหาการว่างงานก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดมิจฉาชีพขึ้นพวกเขาต้องการเงินไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามการสร้างอาชีพให้กับพวกเขาเหล่านั้นก็น่าจะลดปัญหานี้ได้
7.เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ
วิธีป้องกัน
การมีสติตลอดเวลาอย่าประมาทให้พึงระวังอย่าชะล่าใจเพราะภัยเหล่านี้สามารถเกิดได้ตลอดเวลาอีกทั้งเราควรติดตามข่าวสารเพื่อว่าสังคมนั้นมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างเพื่อที่ว่าจะหาวิธีป้องกันได้ทัน หากเป็นทรัพย์สินที่อยู่กับตัว อย่างเช่น สร้อย แหวน นาฬิกา กระเป๋าเงิน
เมื่อเราไปในที่ที่คนพลุกพล่านเช่นงานกาชาด หรืองานประจำปี หรือตามศูนย์การค้าต่างๆ
ไม่ควรที่จะใส่เครื่องประดับแบบประเจิดประเจ้อควรใส่แต่พอดี
กระเป๋าเงินก็ควรไว้กระเป๋าหน้าไม่ควรหยิบเงินออกมาเยอะๆ
หากเป็นการทำธุรกรรมการเงินก็ควรที่จะไปดำเนินการเองตรวจสอบปลายทางที่จะโอนไปหรือที่รับให้แน่ชัดเพราะปัจจุบันนี้แก๊งคลอเซ็นเตอร์มีอยู่เกลื่อนเมือง
หรือแม้กระทั่งการขายของออนไลน์ควรจะซื้อของจากที่ไว้ใจได้เป็นเวปที่มีมาตรฐานรับรองเพื่อความมั่นใจ หากมีคนแปลกหน้ามาชวนทำธุรกิจโดยให้โอนเงินไปจงพึงระวังอย่าหลงกล หากเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในบ้านก็ควรอย่าลืมล็อคบ้านอย่าวางของสิ่งมีค่าไว้ล่อแหลมถ้าหากเป็นสำนักงานก็ควรมีกล้องวงจรเพื่อที่จะติดตามคนร้ายได้ง่ายขึ้น
วิธีป้องกันมิจฉาชีพจากการเดินทาง
1.กระเป๋าเงินเป็นสิ่งที่มิจฉาชีพคอยจ้องที่จะลักเอาไปเสมอ
ดังนั้น จึงควรเก็บรักษากระเป๋าเงินไว้ในที่ปลอดภัย
ซึ่งเวลาเดินทางไปที่ไหนมาไหนควรเก็บกระเป๋าเงินไว้ด้านหน้าตัวเราเสมอเพื่อยากแก่การลักเอาไป
เช่น เก็บไว้ในกระเป๋าหน้าท้อง ที่มีเสื้อคลุมไว้อีกทีหนึ่ง
หรือใช้กระเป๋าแบบคาดติดหน้าอก
2.หลีกเลี่ยงการหยิบเงินจำนวนมากออกมาจ่ายข้าวของ
ค่าใช้จ่ายต่างๆ เพราะการกระทำเหล่านั้นทำให้เป็นจุดสนใจต่อเหล่ามิจฉาชีพได้
ทางที่ดีจึงควรวางแผนในการใช้เงินให้ดีก่อนโดยแบ่งส่วนที่จะใช้ไว้แยกจากกัน
เพื่อเวลาจะนำมาใช้จะได้ไม่ต้องเอาเงินทั้งหมดออกมา เช่น
เงินค่าซื้อของแบ่งไว้ส่วนหนึ่ง เงินจ่ายค่าห้องพักส่วนหนึ่ง
เงินค่าเดินทางส่วนหนึ่ง เงินค่าอาหารอีกส่วนหนึ่ง
3.เก็บเอกสารสำคัญไว้หลายๆ
ที่ เช่น บัตรประชาชนเก็บไว้ที่หนึ่ง ใบขับขี่เก็บอีกที่หนึ่งบัตรเครดิตเก็บไว้อีกที่หนึ่ง
เพื่อว่าเมื่อหายจะยังมีเอกสารบางอย่างเหลืออยู่บ้าง
และควรทำสำเนาเอกสารเหล่านี้ติดไว้กับตัวด้วยอย่างน้อย 1
ชุดและสแกนไว้ในอีเมลเพื่อว่าหากเอกสารทั้งหมดหายไปจะได้นำจากอีเมลมาใช้อ้างอิงได้
4.ไม่ควรทิ้งกระเป๋าสตางค์
โทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับ สมุดเช็ค สมุดบัญชีธนาคาร
หรือทรัพย์สินมีค่าไว้ในห้องพักโรงแรม
หากไม่สามารถนำติดตัวเดินทางไปด้วยได้ก็ควรเก็บไว้ในตู้นิรภัยของทางโรงแรมจะเป็นการปลอดภัยกว่า
และตั้งรหัสตู้นิรภัยที่ไม่ตรงกับข้อมูลส่วนตัวใดๆ เพื่อให้ยากแก่การคาดเดารหัสนั้น
5.หากมีการใช้บัตรเครดิตในการชำระราคา
เมื่อใช้เสร็จแล้วต้องรีบเก็บไว้กับตัวให้เร็วที่สุด
อย่ามัวแต่ทำอย่างอื่นเพราะอาจจะลืมเก็บและทำหายได้
และอย่าลืมที่จะเก็บสำเนาใบเสร็จไว้เพื่อว่าจะได้นำมาใช้อ้างอิงได้เวลามีปัญหาในการเรียกเก็บเงิน
6.ในการเดินทางไม่ว่าจะโดยยานพาหนะใดที่เราจำเป็นต้องใช้กระเป๋าเดินทางและกระเป๋าเดินทางไม่ได้อยู่ติดตัวกับเราตลอดเวลา
ไม่ควรใส่ข้อมูลสำคัญในป้ายติดกระเป๋าเดินทางนั้น ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดส่วนตัว
เลขบัตรประชาชน เลขใบขับขี่ เพราะอาจเป็นไปได้ว่ามิจฉาชีพอาจเอาข้อมูลนั้นไปใช้ให้เกิดความเสียหายแก่เราได้
ทางที่ดีควรใส่แค่ชื่อ นามสกุล เมือง ประเทศ และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
7.ควรเลือกกระเป๋าเดินทางที่มีลวดลายหรือสีสันที่เป็นที่จดจำได้ง่ายจะสามารถป้องกันมิจฉาชีพได้ในระดับหนึ่งเพราะโจรคงไม่เสี่ยงที่จะลักเอากระเป๋าที่เป็นที่สังเกตได้ง่ายไป
หรือถ้าจะลักเอาไปจริงๆ
อย่างน้อยเราจะสามารถติดตามเอาคืนได้ง่ายขึ้นเนื่องจากมีลักษณะโดดเด่น
และอย่าลืมว่าต้องล็อคกระเป๋าเดินทางให้ดี
มีที่ให้ล็อคกี่ที่ก็ล็อคไปเถิดไม่ต้องเสียดายค่ากุญแจ เพราะถ้าของหายเราจะเสียดายกว่าค่ากุญแจแน่นอน
8.เวลาเดินทางอย่าขนสัมภาระไปมากเหมือนย้ายบ้าน
ควรมีแต่ของที่จำเป็นเท่านั้น
เมื่อเกิดเหตุไม่น่าไว้ใจหรือรู้สึกว่าจะตกอยู่ในอันตรายจะเคลื่อนไหวคล่องตัว
ดังนั้น ไม่ควรมีกระเป๋ามากกว่า 2 ใบ
และเลือกขนาดที่เหมาะสมกับรูปร่างของตัวเองด้วย
9.แต่งตัวให้กลมกลืนกับสถานที่
อย่าแต่งตัวให้เป็นจุดสนใจเพราะสามารถบอกได้ทันทีว่าคุณเป็นนักเดินทางที่ไม่ใช่คนในถิ่นนั้นๆ
และไม่ควรประดับของมีค่าให้มากเพราะจะเป็นที่ล่อตาล่อใจให้มิจฉาชีพกระชากและกระตุกไปจากตัวคุณได้
10.การเดินทางที่ใช้ระยะเวลาหลายวัน
อาจทำให้มีปัญหาเรื่องของจดหมายหรือพัสดุไปรษณีย์ ดังนั้น
ควรบอกกล่าวเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้หรือคนสนิทชิดเชื้อให้ช่วยรับจดหมายและพัสดุไปรษณีย์ต่างๆ
และเก็บไว้ให้เพื่อป้องกันการสูญหาย
จากที่กล่าวมาทั้งหมดในข้างต้นถึงปัญหาการรู้ไม่เท่าทันในสังคมปัญหานี้ก็เนื่องด้วยพวกเขาเหล่านั้นไม่มีอาชีพที่มั่นคง
สภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนหรือเงินไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตอีกทั้งค่าครองชีพในปัจจุบันก็สูงขึ้นจึงเป็นเหตุให้ใช้วิธีหาเงินทางลัดไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม หากไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจังปัญหาเหล่านี้อาจจะสูงขึ้น
การเปลี่ยนแปลงในสังคมทั้งด้านเทคโนโลยี หรือด้านอื่นๆ
เป็นสิ่งเราทุกคนในสังคมจะต้องตามให้ทันเพื่อประโยชน์ของเราเองหากจะหวังพึ่งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจคงเป็นไปได้ยากเพราะต่างคนต่างก็มีปัญหา
จากที่รายงานไปข้างต้นไว้ว่าปัญหาว่าปัญหาต่างๆจะเกิดกับบุคคลที่ประมาทชะล่าใจเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากง่ายต่อการก่อเหตุเพราะฉะนั้นเราจะทำอะไรไปไหนมาไหนควรรอบครอบไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของเราเอง
แหล่งอ้างอิง
Mcot news แก๊งมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร
โทรศัพท์หลอกเหยื่อว่าเป็นลูกหนี้
ธนาคารให้โอนเงินคืนผ่านตู้เอทีเอ็ม [
ออนไลน์ ] http://news.thaiza.com/
(วันที่สืบค้นข้อมูล: 9 ธันวาคม 2555).
www.สมเดจ.com ล็อกแฮกเกอร์แสบโกงเงินผ่านเน็ต [ ออนไลน์ ]
เข้าถึงได้จาก http://morning-news.bectero.com
(วันที่สืบค้นข้อมูล: 9 ธันวาคม 2555).
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น