วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ลดภาวะการทำแท้ง น.ส.สุกัญญา บำรุงศรี 53242681

บทความวิชาการ วิชา  830329  ปัญหาสังคมและประเด็นสำคัญด้านการพัฒนา
ชื่อเรื่อง การลดภาวะการทำแท้ง
                                                                                            
                                                                                             นางสาว สุกัญญา  บำรุงศรี รหัสนิสิต 53242681
                                                                                                                คณะสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาสังคม

               ขณะที่โลกก้าวเข้าสู่สภาวะเพียงนิ้วคลิกชีวิตก็เปลี่ยน แต่เรื่องราวของกรรมกลับดูจะมีสถานะและรูปลักษณ์ไม่แตกต่างจากยุคพระเวท แม้ในแง่หนึ่งพลังของกรรม จะสามารถสะกดความละโมบ โหดร้าย รุนแรง ให้อ่อนจางบางลงในความรู้สึกของมนุษย์ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการติดต่อสื่อสารส่งผลให้เรื่องราวเกี่ยวกับกรรมได้กลายเป็นอีกหนึ่ง สินค้าต้นทุนต่ำ ที่มีผู้นิยมบริโภคสูง  ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ความไม่แน่นอนทางการเมือง และความผันผวนทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เหล่า ยอดมนุษย์ซึ่งมีความสามารถพิเศษในการสแกนกรรม ปรากฏโฉมเป็นผู้ชี้นำหนทางสู่การหลุดพ้นจากความทุกข์ทนทางเศรษฐกิจในระดับปัจเจก ซึ่งถูกอ้างว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของกรรม ในอดีต โดยเฉพาะกรรมยอดนิยมที่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นต้นเหตุของปัญหา (ความฝืดเคืองทางเศรษฐกิจส่วนบุคคล) ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการทำแท้ง  สิ่งที่น่าสนใจจากคำตัดสินของเหล่าผู้นำลัทธิกรรมนิยมทางเศรษฐกิจ ก็คือ ผลกรรม
               เมื่อเกิดการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ขึ้น ผู้หญิงมักเป็นฝ่ายต้องตัดสินใจแก้ปัญหาแต่เพียงผู้เดียว และภายใต้ความกดดันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการเรียน ด้านอายุ ครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจ ผลที่ตามมาคือความเครียดจากความไม่พร้อมที่กล่าวแล้วซึ่งอาจจะนำไปสู่ปัญหาทางด้านสุขภาพจิตได้ และทางแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะเลือกกระทำ คือ การทำแท้ง ทั้งๆ ที่ผู้หญิงเหล่านั้น ร้อยละ 42.7 รู้สึกเสียใจที่ต้องทำแท้ง และร้อยละ 76.6 รู้สึกกลัวอันตราย ที่จะเกิดจากการทำแท้ง ซึ่งได้แก่ การแท้งไม่สมบูรณ์ ตกเลือด มดลูก/ลำไส้ทะลุ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ ติดเชื้อ ช็อก หรืออาจเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก และเป็นหมันในภายหลัง ซึ่งล้วนแต่เป็นอันตรายต่อชีวิต และสุขภาพของผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ หากมาคิดกันดีๆ แล้วคงไม่มีใครปฏิเสธว่า หากไม่ท้องคงไม่ต้องทำแท้ง ดังนั้นน่าจะมีสติป้องกันตนเองไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ก่อนเวลาอันควรน่าจะง่ายว่ากันเยอะ
                นักมานุษยวิทยาไม่ได้มองว่าการทำแท้งเป็นเรื่องผิดหรือไม่ผิด แต่ให้ความสำคัญกับ ความหมายที่คนกลุ่มนั้นหรือคนในสังคมนั้นมีต่อเรื่องนั้นๆ และภายใต้ความหมายนั้นเขาจัดการให้ตัวเขาเองอยู่รอดในสังคมที่มีระบบโครงสร้างอย่างไร งานของนักมานุษยวิทยานำเอานัยยะ20 คน ทำแท้งมาแล้วปลอดภัยดี อีก 20 คนทำแล้วมีภาวะแทรกซ้อน ขณะที่ 20 คนยังไม่ได้ตัดสินใจจะทำสำคัญนั้นขึ้นมาและทำงานต่อไป จากงานวิจัยที่ได้ไปสัมภาษณ์ผู้ที่มีประสบการณ์ท้องไม่พร้อม 80 คน ในปี 2545 ซึ่งหรือไม่ทำ ส่วน 20 คนสุดท้ายเก็บท้องไว้ พบว่าไม่มีสักคนเดียวที่บอกว่าตัวเองไม่ผิด ทุกคนพูดเหมือนกันว่า รู้สึกแย่ ทุกวันนี้ใส่บาตร ทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้กับเด็กที่ไม่ได้คลอด และพิธีซิโกเด็ก หรือพิธีทำบุญส่งวิญญาณทารกแท้ง ชี้ให้เห็นว่าคนที่ไปทำแท้งด้วยเหตุผลใดก็ตามเขารู้สึกผิดบาป เพราะเขาเกิด และเติบโตขึ้นมาในสังคมไทยไม่ว่าศาสนาใดเราจะเห็นโครงสร้างทางวัฒนธรรมครอบงำเขาอยู่อย่างแน่นหนา  จากตัวอย่างหญิงชาวบ้านลูก 4 ซึ่งผ่านการทำแท้งมาแล้ว 5 ครั้ง เธอให้เหตุผลว่าเลี้ยงไม่ไหวเพราะหาเช้ากินค่ำ แม้จะทำหมันแล้วก็ยังมีลูกอีก สามีจึงไม่ยอมให้ทำอีก เพราะเสียเวลาทำมาหากิน ส่วนกรณีที่กลัวกันว่าหากกฎหมายอนุญาตจะทำให้เกิดการทำแท้งเสรีนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะการทำแท้งเสรีหมายถึงอยากทำเมื่อไหร่ก็ทำได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เมื่อทำแล้วจะรู้สึกปลอดจากพันธนาการทางสังคม วัฒนธรรมและศาสนา  ปัจจุบันกฎหมายห้ามทำแท้งไม่มีผลในทางปฏิบัติ ขณะที่แพทย์สภาให้ทำแท้งได้หากมีผลต่อสุขภาพจิตของหญิงตั้งครรภ์นั้น
                ปัญหาแม่วัยรุ่นตั้งครรภ์และคลอดบุตรเป็นเรื่องที่น่าห่วง ทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากตัวเลขในปี 2552 มีวัยรุ่นหญิงอายุ 15 ปีตั้งครรภ์ไม่พร้อมสูงถึง 1 หมื่นคน และทารกที่เกิดสุขภาพไม่แข็งแรง น้ำหนักตัวน้อยกว่ามาตรฐาน บางรายน้ำหนักตัวเพียง 500 กรัมทั้งยังเสี่ยงต่อการเสียชีวิต  เด็กวัยรุ่นและผู้หญิงที่ประสบปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อมโทรศัพท์มาปรึกษาเกี่ยวกับการทำแท้งประมาณ 200 คนต่อเดือน หากนับรวมกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมและไม่กล้าโทรศัพท์มาปรึกษาตัวเลขจะเพิ่มมากขึ้น เป็นปัญหาที่น่าห่วง ทั้งยังสะท้อนถึงการหาทางออกไม่ได้ของผู้หญิงตั้งครรภ์  แต่บางครั้งการตั้งครรภ์และการให้กำเนิดบุตรมักจะนำความชื่นชมยินดีมาสู่สตรีที่ตั้งครรภ์และครอบครัวอย่างมากถ้าการตั้งครรภ์นั้นเกิดขึ้นในบุคคลที่มีความพร้อมทั้งทางด้านร่างกาย  จิตใจและสังคม  ในทางตรงกันข้ามถ้าการตั้งครรภ์เกิดขึ้นในผู้ที่ไม่พร้อมในทุก ๆ ด้านก็จะทำให้การตั้งครรภ์นั้นเป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมามากมายทั้งทางด้านสุขภาพของมารดา  ครอบครัวและสังคม
               ความสุขในเรื่องทางเพศนี้ เมื่อยิ่งเสพ มันก็ยิ่งติดใจ เหมือนกับการเสพยาเสพติด และยิ่งหิวโหยอยากจะได้เสพมากยิ่งขึ้นๆอย่างไม่รู้จักพอ คือเพียงแค่การได้พบเห็นและได้ยินเสียง ก็ไม่พอเสียแล้ว ความอยากที่จะได้ถูกเนื้อต้องตัวภายนอกที่ให้ความสุขมากกว่าก็เกิดขึ้น เมื่อได้ถูกเนื้อต้องตัวภายนอกแล้วก็ยังไม่พอ ยังอยากจะได้ถูกเนื้อต้องตัวในส่วนที่เป็นของสงวนอีก เพราะมันให้ความสุขที่รุนแรงมากกว่าเก่า และแม้การได้ถูกเนื้อต้องตัวในส่วนที่เป็นของสงวนก็ยังไม่พอ ยังหิวโหยอยากจะได้สัมผัสที่ลึกซึ้งสูงสุดจากการร่วมเพศ ที่ให้ความสุขอย่างที่สุด ซึ่งความสุขจากการร่วมเพศนี้ นับว่าเป็นสิ่งเย้ายวนใจอย่างยิ่งสำหรับชายหนุ่มและหญิงสาว จึงทำให้ชายหนุ่มหญิงสาวที่ไม่รู้เท่าทัน เมื่อได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกันในสถานที่ส่วนตัว จึงขาดสติปัญญาและความสำนึกในเรื่องโทษภัยจากการมีเพศสัมพันธ์ที่แม้จะมีอยู่อย่างมากมายแต่ก็มองไม่เห็น ชายหนุ่มหญิงสาวจะมองเห็นแต่เฉพาะความสุขอย่างยิ่งที่จะมีจากการมีเพศสัมพันธ์ ที่แม้ความจริงจะมีเพียงเล็กน้อยและในระยะเวลาอันสั้นก็ตาม เปรียบเหมือนกับเส้นผมที่แท้จะมีเพียงเล็กน้อย แต่ก็สามารถปิดบังดวงตาทำให้มองไม่เห็นภูเขาเบื้องหน้าที่แม้จะใหญ่โตอย่างยิ่งได้  เรียกว่าขณะนี้ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวกำลังมีดวงตา (สติปัญญา) ที่มืดบอด จึงทำให้ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ จึงได้ปล่อยกายปล่อยใจไปตามความปรารถนาของจิตใจที่หิวโหย จนในที่สุดเมื่อความสุขนั้นได้ถึงที่สุดของมันแล้ว สติปัญญาและความสำนึกผิดจึงค่อยตื่นขึ้น แต่มันก็ได้สายไปเสียแล้ว สิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีกแล้ว ที่นี้ก็ต้องมาแก้ปัญหาที่ได้ก่อไว้กันในภายหลัง ซึ่งผลก็คือต้องมาทำแท้งกันในที่สุดเพราะความไม่พร้อมที่จะมีลูก
              รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของสังคมในปัจจุบัน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและวัฒนธรรม อาทิเช่น ยาเสพย์ติด ปัญหาความรุนแรงและการทำร้ายร่างกายในกลุ่มวัยรุ่น ปัญหาครอบครัว การพัวพันกับอบายมุข เหล้า การพนัน ซึ่งนำมาสู่ภาวะเสี่ยงอื่น ๆ ที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร การมั่วสุมทางเพศ การแพร่ระบาดของโรคเอดส์ และการทำแท้ง หรือแม้กระทั่งการเสี่ยงต่อการกระทำผิดตามกฎหมาย  นอกจากนี้ก็พบว่าขณะนี้ปัญหาวัยรุ่น โดยเฉพาะปัญหาพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมของวัยรุ่นกำลังกลายเป็นปัญหาสังคมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน เช่น เด็กผู้หญิงถูกข่มขืนกระทำชำเรา การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันสมควรจนตั้งครรภ์ การทำแท้ง รวมถึงการติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ ซึ่งปัญหาเหล่านี้มาจากหลายปัจจัย การมีสื่อทางอินเตอร์เน็ตกระตุ้นอารมณ์เพศ  มีสถานเริงรมย์ที่เอื้อให้ประชาชนหมกมุ่นทางเพศเพิ่มขึ้น รวมทั้งสถาบันครอบครัวและศาสนาที่อ่อนแอลง  จึงทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นมา  จากการที่ปัญหาการทำแท้งในวัยเจริญพันธุ์มีอัตราการเพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้ต้องมีการดำเนินการแก้ไขเพื่อไม่ให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นและลดอัตราการเพิ่มจำนวนผู้ทำแท้ง  เพื่อลดภาวะเสี่ยงของโรคต่าง ๆ และปัญหาอื่น ๆ ที่ตามมาหลังการทำแท้งด้วย  
               เมื่อเราพิจารณาถึงเหตุผลที่มันผลักดันกันต่อๆมา จนเกิดการทำแท้งขึ้นมาแล้ว เราก็จะพิจารณาได้ว่า การทำแท้งเกิดมาจาการที่เด็กสาวตั้งครรภ์แล้วไม่อยากมีลูก จึงได้ทำลายเด็กที่อยู่ในท้อง ส่วนสาเหตุที่ทำให้ไม่อยากมีลูกนั้นก็เป็นเพราะปัจจัยหลายอย่าง คือไม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้ พ่อของเด็กในท้องก็ไม่รับผิดชอบ กลัวพ่อแม่ไม่ยอมรับ กลัวสังคมรังเกียจ กลัวว่าจะเสียการเรียน กลัวว่าเมื่อมีลูกแล้วจะไม่สามารถกลับมาเป็นอิสระได้อย่างเก่า และความอับอาย เป็นต้น แต่เมื่อไม่อยากมีลูกแล้วทำไมจึงได้ตั้งท้อง คำตอบก็คือเพราะความเผลอไผลไม่ได้ป้องกัน หรืออยากมีลูกแล้วตอนหลังมาเปลี่ยนใจ ซึ่งในปัจจุบันการป้องกันไม่ให้ตั้งครรภ์นั้นมีอยู่หลายวิธี แต่เด็กวันรุ่นหญิงนั้นไม่ทันได้ป้องกัน ซึ่งการที่ไม่ได้ป้องกันนั้นก็เป็นเพราะไม่คิดว่าจะมีเพศสัมพันธ์ จึงไม่ได้เตรียมป้องกัน เมื่อถึงจุดๆหนึ่งก็แก้ไขไม่ทันเสียแล้ว แต่เด็กสาวบางคนก็ตั้งใจให้ตั้งครรภ์ เพื่อจะได้ผูกมัดฝ่ายชายให้รับผิดชอบ แต่เมื่อฝ่ายชายไม่ยอมรับผิดชอบ จึงได้เลือกการทำแท้งเป็นการแก้ปัญหาสุดท้ายที่ปลายเหตุ
               เรื่องโทษและปัญหาจากการมีเพศสัมพันธ์นี้จะมีอยู่แล้วเป็นธรรมดาของโลก แต่โทษและปัญหาจากการมีเพศสัมพันธ์นี้จะมีน้อย ถ้ามนุษย์จะรู้จักปฏิบัติให้ถูกต้อง คือจะต้องถึงวัยที่เหมาะสม จะต้องมีความพร้อมทั้งในเรื่องการดำรงชีวิตและจิตใจ ซึ่งก็หมายถึงว่า ต้องมีอายุพอสมควร มีอาชีพหรือหน้าที่การงานที่มั่นคง มีฐานะมั่นคง และมีจิตใจที่พร้อมจะรับผิดชอบต่อภาระและปัญหาต่างๆที่จะตามมาจากการมีครอบครัว ซึ่งถ้าสามารถปฏิบัติได้ดังนี้โทษและปัญหาจากการมีเพศสัมพันธ์ก็จะมีไม่มาก ซึ่งการปฏิบัติที่ถูกต้องเช่นนี้มนุษย์เราจะสามารถทนได้ หรือที่เรียกว่ามีความปกติสุขตามวิสัยของมนุษย์ธรรมดาสามัญ และสืบเผ่าพันธุ์มนุษย์มาจนถึงรุ่นเราในปัจจุบัน แต่โทษและปัญหาจากการมีเพศสัมพันธ์นี้จะมีมากถ้ามนุษย์ไม่รู้จักปฏิบัติให้ถูกต้อง คือยังไม่ถึงวัยก็เริ่มจะมีเพศสัมพันธ์กันเสียแล้ว ส่วนอาชีพการงานก็ยังไม่มี เพราะยังเรียนหนังสืออยู่ ยังต้องอาศัยพ่อแม่เลี้ยงชีวิตอยู่ อีกทั้งจิตใจก็ยังไม่พร้อมที่จะมีความรับผิดชอบต่อภาระและปัญหาต่างๆที่จะตามมาจากการมีครอบครัวหรือมีลูก ดังนั้นเมื่อการปฏิบัติไม่ถูกต้องจึงเกิดผลเสียหรือผลที่ไม่น่าพึงประสงค์ขึ้นมาแก่ผู้ที่ปฏิบัติผิด อย่างเช่น การทำแท้ง การอย่าร้าง การทะเลาะเบาะแว้ง เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถูกรังเกียจ และเสียอนาคต เป็นต้น อย่างเช่นที่เด็กวัยรุ่นของเราบางส่วนที่กำลังประสบกันอยู่
               ทำไมเด็กวัยรุ่นเราจึงปฏิบัติต่อเรื่องทางเพศไม่ถูกต้องซึ่งตามหลักความจริงของธรรมชาตินั้น การที่สิ่งใดจะเกิดขึ้น มันจะต้องมีเหตุ (ต้นเหตุ) และปัจจัย (สิ่งสนับสนุน) มาร่วมกันปรุงแต่ง (หรือหรือประกอบ หรือสร้าง หรือทำ) ให้เกิดขึ้น ดังนั้นปัญหาเรื่องการทำแท้งนี้ก็ต้องมีทั้งเหตุและปัจจัยมาปรุงแต่งให้เกิดขึ้นด้วยเหมือนกัน โดยเหตุที่ทำให้เกิดการทำแท้งก็คือการกระตุ้นหรือผลักดันของธรรมชาติ ซึ่งจุดนี้เราคงแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะมันเป็นสิ่งเหนือวิสัยที่คนธรรมดาอย่างเราๆจะเอาชนะธรรมชาติในเรื่องนี้ได้ ส่วนปัจจัยนั้นก็ได้แก่สิ่งที่มากระตุ้นให้เกิดความรู้สึกทางเพศที่รุนแรงขึ้น อันได้แก่ สื่อต่างๆที่นำเสนอแต่ภาพเพศสตรีที่แต่งกายโป๊เปลือย และการแต่งกายของสตรีเพศที่เปิดเผยอวัยวะที่ควรปกปิด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่ยั่วยวนใจเด็กวัยรุ่นชาย ให้เกิดความอยากที่จะแสวงหาความสุขจากการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กวัยรุ่นหญิง และภาพยนตร์ที่แสดงถึงการร่วมเพศที่โจ่งครึ่ม ที่สั่งสมและกระตุ้นจิตใต้สำนึกของเด็กวัยรุ่นชายและหญิงให้เกิดความต้องการทางเพศที่มากกว่าที่ธรรมชาติให้มา ที่สามารถแสวงหามาเสพได้อย่างง่ายดายทั้งจากนอกบ้านและภายในบ้าน รวมทั้งค่านิยมที่ดีงามของสังคมเราที่สอนให้เพศหญิงรักนวลสงวนตัว ก็ได้ถูกค่านิยมจากต่างประเทศที่สอนเพศหญิงให้ปล่อยเนื้อปล่อยตัว หรือมีอิสระในการมีเพศสัมพันธ์เข้ามาทำลายเสียจนหมดสิ้น  
  สาเหตุของการทำแท้
                 ถึงแม้การตั้งครรภ์จะเป็นเรื่องของธรรมชาติของสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายก็ตาม สำหรับมนุษย์นั้นมีเพียงร้อยละ ๒๐ เท่านั้นที่จงใจ ตั้งใจ หรือมีแผนการจะให้ตั้งครรภ์ เพื่อจะได้ลูกไว้สืบตระกูล นอกนั้นเป็นการตั้งครรภ์โดยบังเอิญ แบบที่เรียกว่ามีก็ได้ ไม่มีก็ได้ ที่ร้ายแรง และเป็นปัญหาที่สุด ได้แก่การตั้งครรภ์ในคนที่ไม่ต้องการลูก กลุ่มที่ตั้งครรภ์โดยบังเอิญนี้ นอกจากจะไม่ยอมรับการตั้งครรภ์แล้ว ยังพยายามทุกวิถีทาง เพื่อทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลง
               ปฏิกิริยาที่เกิดกับผู้ตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจเกิดได้หลายแบบอย่างด้วยกัน บางคนเมื่อประจำเดือนเกินกำหนดก็กินยาชุดขับประจำเดือน ความจริงยาขับประจำเดือนจะได้ผลก็ต่อเมื่อหญิงผู้นั้นมิได้ตั้งครรภ์เท่านั้น ถ้าตั้งครรภ์จริง แม้จะรับประทานยานี้หลายๆ ชุดก็มักจะไม่ได้ผล บางคนนำปัสสาวะไปตรวจ เพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ บางคนเพียงแต่เล่าอาการให้เพื่อนๆ ฟัง บางคนก็รอจนท้องโตคลำมดลูกได้ทางหน้าท้อง รายที่น่าระอาที่สุด คือรายที่ปล่อยตัวไว้จนรู้สึกเด็กดิ้น จึงรู้ว่า ตนเองตั้งครรภ์ เมื่อทราบแน่ชัดว่า ตนเองตั้งครรภ์ บางคนจะปรึกษาแพทย์ตามโรงพยาบาล หรือคลินิก เพื่อขอให้แพทย์ทำแท้งให้ ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับการปฏิเสธ นอกจากจะปฏิเสธการทำแท้งแล้ว แพทย์มักจะอธิบายชี้แนะให้ตระหนักถึงอันตรายของการทำแท้ง เนื่องจากผู้ตั้งครรภ์ และผู้เกี่ยวข้องคิดว่า ผลเสียของการตั้งครรภ์มีมากกว่าอันตรายจากการทำแท้ง ในที่สุดจึงเลือกสถานที่ลักลอบทำแท้งที่มีอยู่มากมายทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด สถานที่ดังกล่าวนี้มักจะอยู่ลึกลับไม่เปิดเผย หรือไม่ก็อาศัยการทำคลินิกบังหน้า ราคาค่าบริการก็แตกต่างกัน แทบทุกแห่งอาจจะต่อรองราคา กันได้ สาเหตุของการทำแท้งเท่าที่รวบรวมจากโรงพยาบาลศิริราช และ วชิรพยาบาล พอจะแบ่งออกเป็น๒ กลุ่ม คือ หญิงโสด กับหญิงที่แต่งงานแล้ว
               หญิงโสดมักจะทำแท้ง เนื่องจากตั้งครรภ์ก่อนแต่งงาน และมีอุปสรรคขัดข้อง ทำให้ไม่สามารถแต่งงานกับชายที่เป็นบิดาของเด็กได้ อาจเป็นเพราะทั้งสองฝ่าย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังเป็นนักเรียน ฝ่ายชายไม่ยอมรับ พ่อแม่ไม่ยอมรับบางรายก็ขัดกับอาชีพ เช่น อาชีพหญิงบำเรอ หญิงบริการอาบอบนวด พาร์ตเนอร์ตามไนต์คลับ หรือสถานเริง รมย์ เป็นต้น
               สำหรับหญิงที่แต่งงานแล้ว อ้างเหตุผลหลายประการ ประการที่สำคัญที่สุดคือ ปัญหาทางเศรษฐกิจ รายได้ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูบุตร ประการที่สอง เกี่ยวกับความไม่พร้อมที่จะมีบุตร หรือมีบุตรมากเกินไป เท่าที่พบเห็นมักจะทั้งสองอย่างประกอบกัน คือ ทั้งยากจน และมีบุตรมาก อาศัยอยู่ตามชุมชนแออัด ประการที่สามคือ ความแตกร้าวภายในครอบครัว เช่น มีสามีที่ขาดความรับผิดชอบ เป็นภรรยาน้อย หรือภรรยาลับ เลิกกับสามี ฯลฯ นอกนั้นเป็นเหตุผลย่อย เช่น ขัดต่ออาชีพของนักร้องนักแสดง หญิงบริการ บางคนกลัวการคลอด เพราะเคยคลอดยากมาก่อนก็มี
               อย่างไรก็ตามปัญหาการทำแท้งเป็นปัญหาที่บั่นทอนสุขภาพอนามัยการเจริญพันธุ์  ซึ่งจากการสังเกตและสัมภาษณ์ของผู้วิจัย พบว่าผู้หญิงหลังแท้งมีภาวะแทรกซ้อนอย่างรุนแรง  เช่น  ติดเชื้อ ในกระแสโลหิต ไตวาย  ตกเลือดและมดลูกทะลุ รวมทั้งพบว่า อัตราการตายของผู้หญิงจากการแท้งที่ไม่ปลอดภัย ในปี 2553   สูงถึง 300 ต่อ  100,000 ราย  ของผู้หญิงที่ทำแท้ง ซึ่งสูงกว่าการตายของมารดาจากการคลอดเป็นหลายเท่า
                ปัญหาการแท้งที่ไม่ปลอดภัย  ส่วนใหญ่เกิดจากความยากจน  ขาดความรู้  ขาดความช่วยเหลือจากสังคมและคนรอบข้าง การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ของคู่รักที่อยู่ในวัยเรียน     การท้องไม่มีพ่อ  หรือความไม่พร้อมทางด้านครอบครัว เป็นปัญหาที่สามารถป้องกันได้  ถ้ารู้จักใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างเหมาะสม และถ้าหากเกิดความผิดพลาดในการคุมกำเนิด  หรือไม่ได้คุมกำเนิด การทำแท้งก็ไม่ใช่วิธีการยุติปัญหา การตั้งครรภ์ที่ไม่ได้มีการวางแผนหรือไม่พึงประสงค์ เป็นปัญหาสาธารณสุขและสังคมที่สำคัญและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ สาเหตุเพราะ ขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องอนามัยการเจริญพันธุ์ การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย การใช้วิธีคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้องและการเข้าไม่ถึงบริการคุมกำเนิด หากผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่ได้รับคำปรึกษาและความช่วยเหลือที่ถูกต้อง ก็จะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองอย่างไม่ถูกต้องและไม่ปลอดภัย เป็นผลให้เกิดปัญหาสุขภาพกาย จิตใจ ครอบครัว และสังคมตามมา ท้ายที่สุดความพยายามที่จะสิ้นสุดการตั้งครรภ์ด้วยวิธีต่างๆ จึงเป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย ดังนั้นในฐานะที่เป็นบุคคลหนึ่งของสังคมไทยเราจึงต้องเล็งเห็นความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้นกับเยาวชนและประชาชนทั่วไปในสังคมไทย  และควรช่วยกันตระหนักถึงปัญหารวมทั้งช่วยกันหาวิธีการลดปัญหาการทำแท้ง   การหาทางป้องกันและแก้ไขในเรื่องของการทำแท้งเพื่อให้ประชาชนและเยาวชนในสังคมไทยมีสุขภาพอนามัยการเจริญพันธุ์ที่ดีต่อไปในอนาคตและลดปัญหาสังคมต่างๆ ที่จะเกิดตามมาด้วย
               วิธีการแก้ปัญหานั้นเราก็ต้องมาดูที่เหตุและปัจจัยของมัน แล้วแก้ที่เหตุและปัจจัยของมัน ปัญหานั้นก็จะหมดสิ้นไปได้ ซึ่งเหตุของมันนั้นเราไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ปัจจัยของมันนั้นเราสามารถช่วยกันแก้ไขได้ โดยการช่วยกันเผยแพร่ถึงเรื่องทุกข์และโทษจากการปฏิบัติที่ผิดในเรื่องเพศให้มาก เพื่อให้เด็กวัยรุ่นได้เกิดความกลัวต่อการปฏิบัติที่ผิด และช่วยกันเผยแพร่ถึงคุณประโยชน์จากการปฏิบัติที่ถูกต้อง อีกทั้งเราก็ต้องช่วยกันส่งเสริมการศึกษาที่ทำให้เกิดความเข้าใจในชีวิตอย่างถูกต้อง และช่วยกันส่งเสริมคนดีให้มีอำนาจมากขึ้นในสังคมเพื่อช่วยจรรโลงสังคมให้ดีงามมากขึ้น และช่วยลดคนเลวหรือคนเห็นแก่ตัวให้มีอำนาจน้อยลงหรือหมดสิ้นไปจากสังคม ซึ่งนี่คือวิธีการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ที่จะทำให้ปัญหาสังคมทั้งหลายโดยเฉพาะปัญหาเรื่องการทำแท้งนี้ให้ลดน้อยลงหรือหมดสิ้นไปได้ ถ้าเรามัวแต่มาแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เช่น การสอนให้เด็กวัยรุ่นรู้จักวิธีการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อคุมกำเนิด หรือสอนเด็กวัยรุ่นสาวให้รู้จักปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น นั้น จะไม่มีทางแก้ปัญหาเรื่องการทำแท้งนี้ได้อย่างแท้จริง เพราะเมื่อเหตุและปัจจัยที่ต้นตอของปัญหานี้ยังคงมีอยู่ ปัญหาเรื่องการทำแท้งนี้ก็จะยังคงมีอยู่ต่อไป ตราบเท่าที่สังคมของเรายังเสื่อมทรามกันอยู่เช่นนี้
               สำหรับความคิดในเรื่องการทำแท้งนั้นยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ หาข้อยุติไม่ได้ว่าควรเป็นอย่างไร ใครเป็นคนผิด รัฐควรจัดการกับปัญหาการทำแท้งอย่างไร บางความคิดเห็นบอกว่าควรจัดการแก้ไขกฎหมายให้สามารถทำแท้งเสรีได้ บางความคิดเห็นบอกว่าควรหาทางแก้ไขวิธีอื่นที่ไม่ใช่การทำแท้ง สำหรับผู้เขียนเองมีความคิดเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะปล่อยให้การตั้งครรภ์ดำเนินต่อไปโดยที่มารดาไม่มีความพร้อม เพราะในที่สุดเด็กคนนี้ก็อาจถูกทอดทิ้งภายหลังคลอดให้เป็นปัญหาของสังคมต่อไป ถึงแม้จะมีการแก้ไขกฎหมายให้ทำแท้งเสรีได้ผู้เขียนก็เชื่อว่าคงไม่มีแม่คนไหนอยากทำนอกจากจำเป็นจริงๆ เนื่องจากตามความเชื่อของศาสนาพุทธ ก็ยังเป็นความผิด บาป ซึ่งการทำบุญถวายสังฆทาน การบวชพระ หรือบวชชีก็ไม่อาจลบล้างความผิดบาปนี้ได้ มันคงอยู่ในใจของผู้เป็นแม่ตลอดไป แต่ถ้าการทำแท้งยังคงเป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่รัฐบาลควรมีหน่วยงานที่จะช่วยเหลือแม่ที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ ไม่ควรปล่อยให้แก้ปัญหาเองตามลำพัง หนทางเดียวที่จะแก้ปัญหาการทำแท้ง คือไม่ปล่อยให้การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ศาสตราจารย์ นายแพทย์ สมพล พงศ์ไทย รองอธิการบดีฝ่ายนโยบายและแผน มหาวิทยาลัยมหิดลได้ให้ความเห็นที่น่าสนใจว่าปัจจัยที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์มีอยู่ 8 ประการคือ
1. ผู้หญิงกับผู้ชายนอนด้วยกันโดยไม่รู้ว่าทำให้ท้องได้ ซึ่งเกิดมากในเด็กวัยรุ่น
2. รู้ว่านอนด้วยกันแล้วทำให้ท้องได้ แต่ไม่รู้ว่าป้องกันได้
3. รู้ว่าป้องกันได้ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร                                                       
4. รู้ว่าป้องกันได้ แต่ไม่รู้จะไปหาซื้ออุปกรณ์ที่ไหน
5. รู้ว่าจะซื้อที่ไหน แต่ไม่รู้ว่าจะใช้อย่างไร
6. รู้ว่าจะใช้อย่างไร แต่ไม่ใช้
7. รู้ว่าจะใช้อย่างไร และก็ยินดีที่จะใช้ แต่พลาด
8. ถูกข่มขืนกระทำชำเรา
ดังนั้นแนวทางการแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ควรเป็นดังนี้
1. สอนความรู้เรื่องเพศ เพศสัมพันธ์ และการคุมกำเนิด
2. สอนวัยรุ่นชายให้มีความรับผิดชอบและให้เกียรติผู้หญิง เนื่องจากในสังคมไทยยังคงยกย่องเพศชายว่าเป็นเพศที่แข็งแรงกว่าจึงควรสอนให้ผู้ชายมีความคิดที่จะปกป้อง ช่วยเหลือเพศหญิงมากกว่า นอกจากนี้เพศชายจะต้องให้เกียรติผู้หญิง และมีความรับผิดชอบในการกระทำของตนเอง ปัญหาการทำแท้งส่วนใหญ่พบว่าฝ่ายชายไม่ยอมรับการตั้งครรภ์
3.แนวทางการแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์นี้คงต้องเริ่มจากการปลูกฝังนิสัยตั้งแต่วัยเด็กให้สอดคล้องกับสภาพสังคมในยุคโลกาภิวัฒน์นี้ เชื่อว่าปัญหาการทำแท้งผิดกฎหมายอาจเบาบางลงไป4.สอนให้รู้จักการปฏิเสธในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม ได้แก่ปฏิเสธที่จะไปเที่ยวต่อหลังเลิกเรียน ปฏิเสธที่จะไปไหนๆกับเพื่อนชายตามลำพัง ไม่เปิดโอกาสให้เพศตรงข้ามถูกเนื้อต้องตัว เป็นต้น ปลูกฝังค่านิยมในการรักนวลสงวนตัวตั้งแต่วัยเด็ก และเน้นย้ำมากขึ้นในวัยรุ่น ได้แก่ การแต่งกายที่สุภาพ ไม่แต่งกายล่อแหลม ยั่วยุอารมณ์เพศตรงข้ามซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการข่มขืนกระทำชำเรา
แก่เด็กนักเรียน นักศึกษา ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่นพร้อมทั้งชี้ให้เห็นข้อดีและข้อเสียของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร และการตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม โดยเน้นย้ำให้เห็นผลเสีย ได้แก่ การสูญเสียโอกาสในการศึกษา และการประกอบอาชีพการงานที่ดี ตลอดจนโอกาสในการเจอคู่ครองที่ดีในอนาคตhttp://party1169shikeru.wordpress.com/wp-includes/js/tinymce/plugins/wordpress/img/trans.gif?m=1207340914g 
การทำแท้งแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างถาวร
               การที่จะแก้ปัญหาการทำแท้งอย่างถาวรนั้น จะต้องหันมาให้ความสนใจกับสาเหตุต้นตอที่ทำให้เกิดปัญหาอย่างจริงจัง ซึ่งเมื่อมองจากสาเหตุของปัญหาดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ทางออกของปัญหาใหญ่ที่ดีที่สุดคือ การร่วมมือของสถาบัน องค์กร และหน่วยงานต่างๆของสังคม ซึ่งควรจะดำเนินการตามลำดับดังนี้
              สื่อมวลชน  ในยุคปัจจุบันสื่อมวลชนถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการร่วมสร้างทัศนคติและค่านิยมแก่สมาชิกทุกคนในสังคม ประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นประเทศที่เปิดเสรี ในการเผยแพร่ข่าวสารมากเกินไป จนทำให้เกิดช่องโว่ในการนำเสนอสารที่ยั่วยุกามารมณ์ หรือสารที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เด็กๆ ดังนั้นสิ่งแรกที่สื่อมวลชนควรจัดระเบียบคือ งดการเผยแพร่ข่าวสารที่ยุยงส่งเสริมให้วัยรุ่นมีความนิยมที่ผิดๆ เช่น การมีรักก่อนวัยอันควรตามกระแสโลกาภิวัฒน์  การเสพสิ่งมึนเมา  การล่วงละเมิดทางเพศและสื่อลามก ฯลฯ   และสิ่งที่สื่อมวลชนควรให้ความร่วมมืออย่างยิ่งรองลงมา คือการนำเสนอสารที่ส่งเสริมให้เยาวชนรักชาติ มีความสุขกับการเรียนรู้ และพึ่งตัวเองเป็นหลัก ดังเช่นประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ทำ ซึ่งการกระทำดังกล่าวควบคู่กับการให้ความร่วมมือขององค์กรที่เกี่ยวข้องทุกแขนง จะเป็นแนวทางป้องกันปัญหาสังคมฟอนเฟะจากการเปิดเสรีมอมเมาสังคม มอมเมาเด็กและเยาวชน
สถาบันครอบครัว
               เนื่องจากสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันหลักของสังคม ดังนั้นปัญหาทุกปัญหาส่วนมากแล้วก็จะมีจุดกำเนิดที่ตรงนี้ โดยเฉพาะการขาดความอบอุ่นภายในครอบครัว  การขาดความรับผิดชอบของสมาชิกในครอบครัวโดยเฉพาะผู้นำ นั้นก็คือผู้ที่เป็นพ่อ เป็นแม่  บทบาทสำคัญที่ครอบครัวควรให้ใส่ใจคือ การสร้างความเข้าใจในการดำเนินชีวิตให้กับสมาชิกทุกๆคน ผู้ปกครองควรที่จะเสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อพบปะ สอบถามการเป็นอยู่ของลูกๆ เปิดโอกาสให้พวกเขาได้พูดสิ่งที่อึดอัดใจ หรือทุกข์ใจได้ทุกๆเรื่อง ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อเด็กเจอปัญหาจะไม่กล้าพูดให้พ่อแม่ฟังเพราะกลัวถูกด่า ถูกลงโทษ และเมื่อเด็กต้องตัดสินใจแก้ปัญหาแต่เพียงผู้เดียวภายใต้ความกดดันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว สังคม เรื่องการเรียนฯลฯ ผลที่ตามมาคือความเครียดซึ่งอาจจะนำไปสู่ปัญหาทางด้านสุขภาพจิตได้  ดังนั้นพ่อแม่ควรที่จะเปิดใจให้กว้าง และสร้างบรรยากาศให้เด็กกล้าที่จะพูดกล้าที่จะระบายความในใจทุกๆเรื่อง การกระทำเช่นนี้จะเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวได้เข้าใจ กันและกัน เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะปิดประตูของปัญหาการทำแท้ง
                     มาถึงจุดนี้ปัญหาเรื่องการทำแท้งคงไม่ใช่ปัญหาที่เด็กหญิงผู้ไม่พร้อมจะมีบุตรต้องแบกรับภาระแต่เพียงผู้เดียว แต่เป็นปัญหาที่ทุกๆคนในสังคมต้องช่วยกันป้องกันเพื่อจะไม่ให้สังคมไทยเราฟอนเฟะไปมากกว่านี้
                    สรุปแล้วปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการทำแท้งนี้ก็คือ ความเสื่อมทรามของสังคม หรือสังคมไร้ศีลธรรม เมื่อสังคมของเรายังมีคนดีมีศีลธรรมที่ไม่เห็นแก่ตัวอยู่มาก ปัญหานี้ก็จะไม่มีหรือมีน้อย แต่เมื่อคนดีมีศีลธรรมของเรามีน้อยลงและคนที่เห็นแก่ตัวมีมากขึ้น ปัญหาเรื่องการทำแท้งนี้จึงได้เกิดขึ้นมามากขึ้น เพื่อแสดงถึงความเสื่อมทรามและไร้ศีลธรรมของสังคมเรา คือปัญหาทั้งหลายจะเกิดมาจากจิตของมนุษย์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาโลกร้อน ปัญหาการเอารัดเอาเปรียบเบียดเบียนกัน ปัญหาสงครามในทุกรูปแบบรวมทั้งปัญหาฝนแล้ง น้ำท่วม ความยากจน สิ่งเสพติด ปัญหามลภาวะ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และแม้ปัญหาเรื่องการทำแท้งนี้ด้วย เป็นต้น
                                                      อ้างอิง
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์ 340 ลาดพร้าว 112 วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
บทความของ อำไพ  มีสิทธิ์ ปัญหาการทำแท้ง
บทความของ เตชปญฺโญ ภิกขุ สาเหตุการทำแท้ง                                
ข้อมูลจากโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทย เรื่องการทำแท้ง www.kluaynamthai.com














                                           




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น