วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ปัญหาสิทธิในการทำงานของแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้ามือง ( นางสาว หทัยชนก กางพันเทศ 53242834)


รายงานวิชา 830329 ปัญหาสังคมและประเด็นสำคัญด้านการพัฒนาบทความทางวิชาการ เรื่อง ปัญหาสิทธิในการทำงานของแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้ามือง                                                                                     

                                                        นางสาว หทัยชนก กางพันเทศ 53242834
                                                        คณะสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาสังคม ชั้นปีที่ 3





ปัญหาสิทธิในการทำงานของแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้ามือง

           หากจะพูดถึงคนต่างด้าว แล้ว ในความหมาย ของพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 คนต่างด้าว หมายถึงบุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ส่วนแรงงานต่างด้าว หรือแรงงานข้ามชาติ มี 2 หน่วยงานได้นิยามความหมายไว้ ดังนี้ องค์กรแรงงานระหว่างประเทศ ได้ให้ความหมายไว้ว่า หมายถึง บุคคลที่ย้ายถิ่นจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งเพื่อที่จะไปทำงานมากกว่าที่จะไปใช้จ่ายเงินของตนเอง และรวมถึงบุคคลใดๆที่โดยปกติแล้วได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้อพยพเพื่อทำงาน แต่ไม่รวมถึงคนที่ทำงานตามบริเวณชายแดน จิตรกร หรือสมาชิกของกลุ่มผู้ชำนาญการที่เข้าเมืองระยะสั้น ชาวเรือ และลูกเรือเดินทะเลต่างชาติ และในอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 143 ยังไม่รวมถึงบุคคลที่เข้ามาเพื่อการศึกษาหรือการฝึกอบรมและบุคคลที่เข้ามาทำงานชั่วคราวเฉพาะด้านอันเนื่องมาจากการร้องขอของนายจ้างในประเทศไทย และต้องออกไปเมื่อเสร็จสิ้นการทำงานนั้นแล้ว ส่วนองค์การสหประชาชาติได้มีการกำหนดความหมายแรงงานข้ามชาติในอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของบรรดาแรงงานข้ามชาติ และสมาชิกในครอบครัวของเขาเหล่านั้น ไว้ในมาตรา 2 หมายถึง " บุคคลซึ่งจะถูกว่าจ้างให้ทำงาน กำลังถูกว่าจ้าง หรือเคยถูกว่าจ้างทำงาน โดยได้รับค่าตอบแทนในรัฐที่ตนไม่ได้เป็นคนของชาตินั้น " ซึ่งเห็นได้ว่า ความหมายแรงงานข้ามชาติของสหประชาชาติมีความหมายกว้างกว่าความหมายแรงงานข้ามชาติขององค์การแรงงานระหว่างประเทศมาก เพราะได้รวมถึงคนงาน 8 ประเภท ได้แก่ คนงานที่ทำงานตามบริเวณชายแดน คนงานตามฤดูกาล ชาวเรือ คนงานที่ทำงานในสถานที่ทำงานนอกประเทศ คนงานที่ทำงานโยกย้ายไปมา คนงานที่ทำงานตามโครงการ คนงานที่มีกิจการของตนเอง และคนงานที่ได้รับการว่าจ้างพิเศษให้ไปทำงานในประเทศที่ตนไม่ได้มีสัญชาตินั้น อย่างไรก็ตามก็ยังไม่รวมถึง บุคคลที่เดินทางข้ามประเทศเพื่อทำงานในฐานะที่เป็นผู้ลงทุน (Investor) ผู้ลี้ภัยหรือบุคคลที่ไม่มีสัญชาติ (Refugees Or Stateless Person) นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ฝึกอบรม และผู้ที่ทำงานภายใต้การว่าจ้างขององค์การระหว่างประเทศ สำหรับในประเทศไทย แรงงานต่างด้าว ที่เข้าเมืองโดยถูกกฎหมายมีอยู่ด้วยกัน 4 ประเภท คือ ประเภททั่วไป หมายถึง คนต่างด้าวที่เป็นแรงงานที่มีทักษะและทำงานอยู่ในตำแหน่งค่อนข้างสูง หรืออาจ ถูกส่งมาจากบริษัทแม่ในต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย หรือเข้ามาทำงานชั่วคราวในงานที่ต้องใช้ทักษะ และเทคโนโลยีชั้นสูง เป็นความต้องการผู้ที่มีความสามารถเฉพาะด้าน มีความชำนาญเฉพาะด้าน หรือมีความสามารถ ทางการสื่อสาร (ภาษา) ที่ยังหาคนไทยที่มีความสามารถ หรือมีความชำนาญเข้ามาร่วมงานไม่ได้ หรือเป็นการเข้ามา ทำงานในกิจการที่ตนเองลงทุน หรือกิจการของคู่สมรส หรือกิจการที่ร่วมลงทุน เป็นต้น ประเภทเข้ามาทำงานอันจำเป็นเร่งด่วน หมายถึง คนต่างด้าวที่เข้ามาทำงาน ซึ่งเป็นงานที่ต้องดำเนินการโดยทันทีทันใด หากไม่เร่งดำเนินการอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินกิจการของบริษัทหรือลูกค้าของบริษัท หรือส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยไม่มีแผนการดำเนินการล่วงหน้ามาก่อน และต้องเข้ามาทำงานนั้น ในระยะเวลาไม่เกิน 15 วัน ประเภทตลอดชีพ หมายถึง คนต่างด้าวซึ่งได้รับใบอนุญาตทำงานตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับ ที่ 322 ข้อ 10 (10) มีสาระสำคัญว่า "ใบอนุญาตที่ออกให้แก่คนต่างด้าวซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตาม กฎหมาย ว่าด้วยคนเข้าเมืองและทำงานอยู่แล้วก่อนวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ให้ใช้ได้ตลอดชีวิตของคนต่างด้าวนั้น เว้นแต่คนต่างด้าวจะเปลี่ยนอาชีพใหม่” ประเภทข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานกับประเทศคู่ภาคี ได้แก่ การพิสูจน์สัญชาติ หมายถึง แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่ได้รับการจัดระบบตามยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองทั้งระบบ 7 ยุทธศาสตร์ แรงงานนำเข้า หมายถึง คนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตามข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานต่างด้าวระหว่างประเทศไทยกับประเทศคู่ภาคี (MOU) ปัจจุบันทำข้อตกลงกับประเทศ 2 ประเทศ คือ ลาว และกัมพูชา สำหรับผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 11 หมายถึง คนต่างด้าวซึ่งยังไม่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งนายจ้างยื่นคำขอรับใบอนุญาตและชำระค่าธรรมเนียมแทน โดยเข้ามาทำงานที่มีทักษะและตำแหน่งค่อนข้างสูง หรืองานที่ต้องใช้ทักษะและเทคโนโลยีชั้นสูง เป็นผู้ที่มีความสามารถหรือความชำนาญเฉพาะด้าน หรือมีความสามารถทางการสื่อสาร (ภาษา) ที่ยังหาคนไทยที่มีความสามารถหรือ มีความชำนาญเข้ามาร่วมงานไม่ได้ เมื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรแล้ว ต้องดำเนินการยื่นขอใบอนุญาตทำงานภายใน 30 วัน ส่วน ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 13 (1) และ (2) หมายถึง คนต่างด้าว ต่อไปนี้ (1) หมายถึง คนต่างด้าวถูกเนรเทศตามกฎหมายว่าด้วยการเนรเทศ และ ได้รับการผ่อนผันให้ไปประกอบอาชีพ ณ ที่แห่งใดแทนการเนรเทศหรืออยู่ในระหว่างรอการเนรเทศ (2) หมายถึง คนต่างด้าวที่เข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง แต่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 14 หมายถึง คนต่างด้าวซึ่งมีภูมิลำเนาและเป็นคนสัญชาติของประเทศที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย ถ้าได้เข้ามาในราชอาณาจักร โดยมีเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง อาจได้รับอนุญาตให้ทำงานบางประเภท หรือลักษณะงานในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวในช่วงระยะเวลาหรือตามฤดูกาลที่กำหนดได้ ทั้งนี้ เฉพาะการทำงานภายในท้องที่ที่อยู่ติดกับชายแดนหรือท้องที่ต่อเนื่องกับท้องที่ดังกล่าว ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 12 หมายถึง คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายพิเศษ ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และกฎหมายอื่นเช่น พ.ร.บ. การนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น
          ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าในภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม ทำให้มีผลกระทบต่อตลาดแรงงานของประเทศไทย เนื่องจากตลาดแรงงานของไทย มีไม่เพียงพอ ในสภาวะที่ประเทศไทยขาดแคลนแรงงานไร้ฝีมือ แรงงานต่างด้าวจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการแก้ไขปัญหา ในการใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือในภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม ทำให้เกิดปัญหาการหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแรงงานต่างด้าวนี้มักจะมาจากประเทศเพื่อนบ้าน 3 สัญชาติ คือพม่า ลาว และกัมพูชา ทำให้เกิดปัญหาการเมือง เศรษฐกิจสังคมและความมั่นคง และแม้ว่ารัฐบาลไทยจะได้พยายามแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว โดยมีการออกมติคณะรัฐมนตรีผ่อนผันให้คนต่างด้าวสามสัญชาติที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายทำงานได้ในระหว่างรอการผลักดัน ในงานบางประเภท เช่นงานประมง งานกรรมกรก่อสร้างและงานกรีดยางพารา เนื่องจากคนไทยไม่นิยมทำเพราะเป็นงานที่หนัก สกปรกและรายได้น้อย ทั้งนี้เพื่อมิให้กิจการงานบางอย่างต้องหยุดชะงักไป 
          สถานการณ์แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสามสัญชาติคือ พม่า ลาว และกัมพูชา ในปัจจุบัน เท่าที่จดทะเบียนและได้รับอนุญาตทำงานมีอยู่จำนวน 668,576 คน (กรมการจัดหางาน, 2550, หน้า 7) และที่ยังไม่ได้จดทะเบียนก็ยังคงมีจำนวนจำนวนไม่น้อย ทั่วประเทศ ประเมินว่า มีแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองรวมกันทั้งที่จดทะเบียนและไม่จดทะเบียนประมาณ หนึ่งล้านกว่าคน ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาและผลกระทบทางสังคมไทยอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคง ซึ่งหากรัฐบาลไทยไม่สามารถหามาตรการที่เหมาะสมมาใช้ในการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวอย่างมีระบบ และมีความเหมาะสมกับสถานการณ์แรงงานในปัจจุบัน เพราะปัญหาเรื่องแรงงาน เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศด้วย 
          ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 เป็นหลักในการควบคุมการเข้ามาทำงานของคนต่างด้าว ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน อาจจะไม่เหมาะสมกับสถานการณ์แรงงานที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะเห็นได้ ว่าแนวโน้มแรงงานต่างด้าวจะเข้ามาทำงานในประเทศไทยเป็นจำนวนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า ประเทศไทย มีสภาพทางเศรษฐกิจดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จึงเป็นแรงผลักดันให้แรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาหางานทำเพื่ออนาคตที่ดีกว่า แต่อย่างไรก็ตาม พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 12 ซึ่งบัญญัติว่า ห้ามมิให้คนต่างด้าวซึ่งมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้เข้ามาในราชอาณาจักร (3) เข้ามาเพื่อมีอาชีพเป็นกรรมกร หรือเข้ามาเพื่อทำงานอื่นอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าวถือว่าบทบัญญัติดังกล่าวเป็นเรื่องดีเป็นการป้องกันปัญหามิให้แรงงานต่างด้าวไร้ฝืมือเข้ามาในประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมมากมาย แต่เนื่องจากปัจจุบัน ประเทศไทยมีปัญหาการขาดแคลนแรงงานไร้ฝีมืออยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะประเภทงานที่หนัก สกปรก และเสี่ยงอันตราย เช่น งานประมง งานกรรมกรก่อสร้าง และงานกรีดยางพารา เป็นต้น การที่กฎหมายไทยไปกำหนดห้ามไว้ จึงทำให้แรงงานต่างด้าวดังกล่าวเป็นแรงงานต้องห้าม ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีและถูกผลักดันออกไป เป็นสาเหตุให้แรงงานต่างด้าวพวกนี้ต้องหลบหนีเข้าเมืองมาเพื่อทำงานในประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยง มาตรา 12(3) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 
          ส่วนการควบคุมการทำงานของคนต่างด้าว นั้น พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 และตามพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ.2522 ซึ่งมีอยู่ 39 อาชีพ ก็ยังมีการห้ามคนต่างด้าวทำงานอาชีพกรรมกร ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว โดยมีการทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างประเทศ กับประเทศเพื่อนบ้านสามสัญชาติ คือประเทศพม่า ลาว และกัมพูชา เพื่อที่จะนำเข้าแรงงานต่างด้าวสามสัญชาติเข้าเมืองโดยถูกกฎหมายมาทำงานในอาชีพกรรมกรได้ 
           แม้ว่าในปัจจุบันนี้ รัฐบาลจะได้พยายามแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวดังกล่าว โดยมีความร่วมมือของกระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานอื่น ๆ ให้มีการกำหนดนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน โดยออกเป็นมติคณะรัฐมนตรีให้มีการผ่อนผันแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สามารถทำงานได้ใน 27 อาชีพ ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 และประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่องกำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 ทำได้ และต่อมาได้มีประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่องกำหนดงานที่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 ทำได้ (ฉบับที่ 14) 3 
           ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2547 โดยกำหนดให้คนต่างด้าวสามสัญชาติคือ พม่า ลาว และกัมพูชา ที่หลบหนีเข้าเมืองและอยู่ระหว่างรอการส่งกลับออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งกระทรวงแรงงานได้จัดระบบบริหารจัดการและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกประกาศอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ทำได้ 2 ประเภทงาน คือ 1.งานรับใช้ในบ้าน และ 2.งานกรรมกร แต่คงจะต้องยอมรับว่าประเทศไทยจะยังคงมีแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองมาทำงานในสังคมไทยอีกยาวนาน ซึ่งจะเห็นได้ว่าแรงงานที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยนั้น ได้ก่อให้เกิดผลดีและผลเสียต่อการพัฒนาประเทศ จึงควรที่จะมีการศึกษาเพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองเพื่อทำงานในอาชีพกรรมกรได้อย่างเหมาะสม และหามาตรการในการควบคุมแรงงานต่างด้าวเหล่านี้เพื่อมิให้เกิดผลเสียต่อการพัฒนาประเทศไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและความมั่นคงของประเทศในระยะยาว 
          สำหรับกรณีแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย แม้รัฐจะประกาศว่าแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง เมื่อได้จดทะเบียนและได้รับอนุญาตทำงานแล้ว จะได้รับค่าแรงงาน สิทธิประโยชน์ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน รวมถึงสวัสดิการและมีสิทธิร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อนายจ้างไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน แต่ความเป็นจริง ปรากฏว่า แรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ไม่ได้รับสวัสดิการอย่างใดและไม่มีสิทธิลาหยุดตามกฎหมายได้ 
          ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผู้เขียนจึงศึกษาปัญหาการเข้าเมืองของคนต่างด้าวซึ่งหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจะมีสิทธิได้รับการทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างไรและได้รับความคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายแรงงานของไทยอย่างไรเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และไม่เกิดปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ปัญหาแรงงานต่างด้าวและกฎหมาย

          ปัญหาแรงงานต่างด้าวเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลแก้ไม่ตก แม้ว่าหลายรัฐบาลที่ผ่านมาจะพยายามหาทางออกด้วยการผ่อนผันให้มีการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาอยู่ในระบบอย่างถูกกฎหมาย จัดให้มีการการขึ้นทะเบียน ทำบัตรประจำตัวคนต่างด้าว แต่ปัญหาต่าง ๆ ก็ยังมีอยู่ไม่ได้หายไปยิ่งรัฐบาลเปิดโอกาสให้แรงงานต่างด้าวจดทะเบียนทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกกฎหมาย
จำนวนแรงงานต่างด้าวก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมที่มีอยู่ 2-3 แสนคนก็เพิ่มขึ้นเป็น 1.3 ล้านคนและถ้ารวมแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทยแบบผิดกฎหมายด้วย ตัวเลขจะพุ่งเป็น 2 ล้านคน
         ในจังหวัดตรังก็ยังมีแรงงานต่างด้าวชาวพม่ามาทำงานเป็นลูกเรือประมงหลายคนหรืออยู่ตามโรงงานหลายคนเช่นกันเพื่อให้ได้ทราบว่า แรงงานต่างด้าวประกอบอาชีพอะไรได้บ้าง
พอสรุปได้ดังนี้ แรงงานต่างด้าวที่มาขึ้นทะเบียนจะได้รับบัตรอนุญาตแรงงานต่างด้าวแยกประเภทเป็นสี 6 ประเภทประกอบด้วย
                        1. อาชีพประมงบัตรสีฟ้า
                        2. อาชีพเกษตรกรบัตรสีเขียว
                        3. อาชีพก่อสร้างบัตรสีเหลือง
                        4. อาชีพธุรกิจต่อเนื่องประมงบัตรสีส้ม
                        5. อาชีพผู้รับใช้ในบ้านบัตรสีเท
                        6. อาชีพอื่น ๆ อีก 19 กิจการ เช่น กิจการ
ต่อเนื่องทางการเกษตร โรงฆ่าสัตว์โรงงานแปรรูปไม้ยางพารา โรงกลึง โรงหล่อ กิจการผลิตจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มกิจการผลิตจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ซักอบรีด ฯลฯ เป็นบัตรสีชมพูโดยแรงงานต่างด้าวถือบัตรสีใด ต้องประกอบอาชีพนั้นตลอด ห้ามย้ายอาชีพหากฝ่าฝืนนายทะเบียนสามารถเพิกถอนใบอนุญาตได้ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 มาตรา 28 และหากฝ่าฝืนเงื่อนไขที่นายทะเบียนกำหนดไว้อาจถูกระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ตาม มาตรา 52

บทลงโทษแรงงานต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต

          พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 มาตรา 51 บัญญัติว่าคนต่างด้าวผู้ใดทำงานโดยไม่ได้รับใบอนุญาตต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
          ในกรณีที่คนต่างด้าวซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง ยินยอมเดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักรภายในเวลาที่พนังกานสอบสวนกำหนดซึ่งต้องไม่ช้ากว่า 30 วัน พนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบปรับและดำเนินการให้คนต่างด้าวนั้นเดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักรก็ได้

บทลงโทษนายจ้างที่รับแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนหรือไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน

          พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าวพ.ศ. 2551 มาตรา 27 ห้ามมิให้บุคคลได้รับคนต่างด้าวเข้าทำงานเว้นแต่คนต่างด้าวซึ่งมีใบอนุญาตทำงานกับตนเพื่อทำงานตามประเภทหรือลักษณะงานที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ณ ท้องที่หรือสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต
          มาตรา54 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 27 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาทและถ้าคนต่างด้าวนั้นไม่มีใบอนุญาตผู้กระทำต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 10,000  บาท ถึง 100,000 บาทต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน

บทลงโทษตามกฎหมายอื่น

          พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 63 ผู้ใดนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท
          เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา23 และภายในพาหนะนั้นมีคนต่างด้วยซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายนี้ให้สันนิฐานไว้ก่อนว่าเจ้าของยานพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะนั้นได้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าคนไม่สามารถรู้ได้ว่าภายในพาหนะนั้นมีคนต่างด้าวดังกล่าวอยู่แม้ว่าได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว
          พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2522 มาตรา 64ผู้ใดรู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ให้เข้าพักอาศัยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุมต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 50,000 บาท
          ผู้ใดให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้เข้าพักอาศยให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นรู้ว่าคนต่างด้าวดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าคนไม่รู้โดยได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร
          ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเพื่อช่วยบิดามารดา บุตรหรือสามีหรือภริยาของผู้กระทำศาลจะไม่ลงโทษก็ได้
          พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2522 มาตรา 81 คนต่างด้าวผู้ใดอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับใบอนุญาตหรือการอนุมัติสิ้นสุดหรือถูกเพิกถอน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จะเห็นได้ว่ากฎหมายเอาโทษทั้งคนต่างด้าวที่เข้ามาในไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตและคนไทยที่นำเข้ามาหรือให้พักอาศัยหรือช่วยเหลือใดๆ ก็ตามทางที่ดี ควรให้คนต่างด้าวไปขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องเรียบร้อยจะได้มีสิทธิเหมือนลูกจ้างคนไทยทุกประการ
          ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 ประกาศใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งกฎหมายดังกล่าวใช้เป็นกฎหมายหลักในการควบคุมและการทำงานของคนต่างด้าว บางกรณีกฎหมายก็ไม่ค่อยจะมีความสอดคล้องกันนักในปัจจุบัน เป็นต้นว่า คนต่างด้าวจะเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อทำงานในงานกรรมกรไม่ได้ ตามมาตรา 12 (3) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ทำให้คนต่างด้าวในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่ประสงค์จะเข้ามาทำงานในงานกรรมกรหรือใช้แรงงานกาย จะต้องหลบหนีเข้าเมืองมาทำงาน โดยมีพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 มาตรา 12 เปิดช่องให้คนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองและอยู่ระหว่างรอการส่งกลับขออนุญาตทำงานได้ในงานกรรมกร ประกอบประกาศกระทรวงแรงงาน ซึ่งกำหนดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ให้คนต่างด้าวสามสัญชาติคือ พม่า ลาวและกัมพูชา ทำงานได้ในงานรับใช้ในบ้าน กับงานกรรมกร 
         จากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้พัฒนาประเทศจากโครงสร้างเกษตรกรรม มาสังคมอุตสาหกรรม มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวทุกภาคส่วน ความจำเป็นในการที่จะต้องใช้แรงงานกรรมกร ไม่ว่าจะเป็นแรงงานก่อสร้าง หรือโรงงานอุตสาหกรรม จึงมีเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถจัดหาแรงงานไทยมาทำได้ เนื่องจากคนไทยไม่นิยมทำ เพราะเป็นงานที่มีอันตราย สกปรก และมีความยากลำบาก ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานไทยทำงานประเภทงานกรรมกรใช้แรงงานอยู่เป็นจำนวนมาก นายจ้างและผู้ประกอบการซึ่งประสบปัญหาเช่นนี้ จึงได้มีส่วนผลักดัน ร้องขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ โดยรัฐบาลได้ดำเนินการออกเป็นมติคณะรัฐมนตรีให้ผ่อนผันแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองทำงานในอาชีพกรรมกรได้ ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องดังกล่าวเริ่มมีมาตั้งแต่ปี 2535 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน


อ้างอิง

วิทยานิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี: ปัญหาสิทธิในการทำงานของแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง: ร.ต.อ.สมโภช ธีรวัฒนเศรษฐ์

เว็บไซต์ http://region4.prd.go.th/ewt_news.php?nid=7269&filename=N_Article_all

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น